JayJootar.com

Technology, Strategy & History

พ่อขุนรามกับเจ็งกีสข่าน

August 4, 2012

ประวัติศาสตร์จริงๆเป็นเรื่องสนุก อ่านไปเรื่อยๆจะพบสิ่งที่เราไม่คาดคิดหลายเรื่อง และทำให้ได้ข้อคิดในการดำเนินชีวิตและการทำธุรกิจอย่างมาก

เรื่ิองหนึ่งที่น่าสนใจคือความเชื่อมโยงทางประวัติศาสตร์ของประเทศต่างๆ ตัวอย่างเช่น พ่อขุนราม กับ เจ็งกีสข่าน ท่านผู้อ่านทราบหรือไม่ว่าเจ็งกีสข่านมีบทบาททำให้พ่อขุนรามตั้งอณาจักรสุโขทัยขึ้นมาได้ ??

ตอนเด็กๆพวกเราเรียนหนังสือคงรู้แต่ว่าพ่อขุนรามเป็นพ่อขุนคนที่สามต่อจากพ่อขุนศรึอินทราทิตย์ และพ่อขุนบานเมือง มาอีกทีพ่อขุนรามก็รวบรวมอณาจักรสุโขทัยขึ้นมาได้ทันที ฟังดูง่ายมากๆ เรื่องราวจริงๆมันซับซ้อนกว่านั้นนิดหน่อย ตามที่ผมจะเล่าดังต่อไปนี้นะครับ

เจ็งกีสข่านกับอณาจักรมองโกล

เจ็งกีสข่านเดิมชื่อเตมูจิน เป็นคนในเผ่ามองโกลซึ่งเป็นพวกล่าสัตว์ใช้ชีวิตบนหลังม้า ชอบกินเนื้อดิบ คนเผ่ามองโกลมีความ aggressive อยู่ในนิสัยมาก มีการฆ่าแกงกันเองระหว่างเผ่าเป็นเรื่องธรรมดา แม้กระทั่งพ่อของเตมูจินก็ถูกฆ่าจากคนอีกเผ่าหนึ่ง เตมูจินมีคุณสมบัติของความเป็นผู้นำสูงมาก ต้องการแก้ปัญหาในสังคมคนมองโกล สุดท้ายหาสิ่งที่ปลดปล่อยความ aggressive ของพวกมองโกลเพื่อไม่ให้ฆ่ากันเองได้ คืออะไรรู้ไหมครับ คือหันไปฆ่าคนชาติอื่นแทนที่จะฆ่ากันเองนั่นเอง

เป็นความโชคดีของคนมองโกลและความโชคร้ายของคนรอบข้าง ตั้งแต่เตมูจินรวบรวมเผ่ามองโกลเข้าเป็นหนึ่งเดียวและได้รับขนานนามเป็นเจ็งกีสข่าน ก็ได้ส่งขุนพลนำพาคนมองโกลออกไปบุกตะลุยรบราฆ่าฟันคนที่อยู่รอบข้างทุกสารทิศเพื่อปลดปล่อยอารมณ์ อย่างที่เล่าไปข้างต้นพวกมองโกลมีความ aggressive อยู่ในตัวสูง และแถมยังรบเก่ง ทำให้รบใครก็ชนะไปเสียหมด อณาจักรมองโกลขยายตัวออกไปอย่างที่ไม่มีใครในประวัติศาสตร์โลกเคยทำได้มาก่อน แม้กระทั่งพระเจ้าอเล็กซานเดอร์ของกรีก (ซึ่งก็มีความ aggressive ไม่แพ้กัน) ก็ยังขยายดินแดนออกไปได้ไม่ใหญ่เท่าเจ็งกีสข่าน

อณาจักรมองโกลขยายตัวในทิศตะวันตกออกไปจนถึงยุโรปตะวันออก (ในสมัยนั้นยุโรปตะวันตกอย่างฝรั่งเศส อังกฤษยังเป็นบ้านป่าเมืองเถื่อนไม่มีอะไรน่าบุกยึด) มาโคโปโลนักเดินทางชื่อดังเป็นคนเมืองเจนัวในประเทศอิตาลีปัจจุบันซึ่งเดินทางยาวไกลไปเข้าเฝ้ากุบไล่ข่านหลานชายของเจ็งกีสข่านถึงเมืองจีน ในตอนนั้นเมืองจีนเป็นแค่เพียงประเทศหนึ่งในอณาจักรอันยิ่งใหญ่ของชาวมองโกลเท่านั้น

ทางตะวันออกมองโกลบุกไปครองครองจีนทั้งหมดรวมถึงเกาหลี (จะบุกไปญี่ปุ่นแต่โดนพายุกามิกาเซถล่มทัพเรือก่อนเลยถอยทัพกลับไป) ส่วนเอเชียอาคเนย์ของเรานั้นทัพมอลโกลบุกตะลุยไปลงไปจนถึงเกาะชวาในประเทศอินโดนีเซีย ระหว่างทางมีการปะทะกับอณาจักรมากมายหลายอณาจักร ทำให้ปั่นป่วนกันทั่วไปทุกหัวระแหง

มองโกลบุกเอเชียอาคเนย์

เป็นที่น่าสังเกตุว่าในบริเวณเอเชียอาคเนย์นี้มองโกลไม่ได้มายึดดินแดนเหมือนที่อื่นๆ ส่วนใหญ่คือมาตีให้ยอมแพ้ส่งส่วยเป็นประเทศราชแล้วก็กลับจีนรอรับส่วย พวกที่ยอมแพ้นานเข้าแข็งเมืองที มองโกลก็ยกทัพลงมาตีแตกที ตีแตกเสร็จก็กลับรอรับส่วย ไม่แน่ใจว่าทำไมเหมือนกัน (ผมเดาเอาเองแบบบ้านๆว่าคงไม่คุ้นกับอากาศเพราะร้อนมากเทียบกับทางเหนือที่เป็นบ้านเกิดเมืองนอนของพวกมองโกล)

ในตอนนั้นคนไทยเรายังเป็นแค่ชนกลุ่มน้อยในคาบสมุทรสุวรรณภูมิ (บริเวณครอบคลุมประเทศพม่าไทย ลาว เขมร เวียตนามในปัจจุบัน) ไม่มีบ้านเมืองเป็นของตัวเอง รวมตัวกันอยู่ในเมืองเล็กเมืองน้อย ภายใต้การปกครองของอณาจักรยิ่งใหญ่สองอณาจักรคืออณาจักรพุกามของคนพม่า และอณาจักรเขมร

พ่อขุนราม Partner กับอณาจักรมองโกล

มองโกลเมื่อบุกลงมาตีสองที่นี้ก็ใช้กลวิธีในการสร้างพันธมิตรกับชนกลุ่มน้อยเพื่อช่วยในการตีเมืองใหญ่อย่างพุกามและเขมร โดยชนกลุ่มน้อยกลุ่มหนึ่งที่ได้สร้างพันธมิตรกับมองโกลก็คือคนไทย โดยผู้นำคนไทยที่มีบทบาทอย่างมากในการสร้างพันธมิตรกับอาณาจักรมองโกล (ณ เวลานั้นอณาจักรมองโกลได้ตกมาถึงรุ่นหลานของเจ็งกีสข่านก็คือกุบไล่ข่านแล้ว) ก็คือพ่อขุนรามคำแหง ซึ่งได้มองการณ์ไกลเห็นความเข้มแข็งของมองโกล และประโยชน์ทางการเมืองที่จะได้จากการสร้างพันธมิตรกับยักษ์ใหญ่ที่กำลังจะเข้ามาเหยียบพี่เบิ้มอย่างพุกามและเขมรให้ราบพนาสูรลงไป

ตามประวััติศาสตร์อณาจักรพุกามต้องล่มสลายลงไปเพราะการบุกของมองโกล ส่วนเขมรนั้นมองโกลตีไม่แตกแต่หลังจากนั้นมาก็อ่อนแอลงตามกำลัง ส่วนอณาจักรสุโขทัยก็เข้มแข็งขึ้น ในท้ายที่สุดมองโกลเองถึงจะลงมาตีบ้านเมืองคนอื่นจนระส่ำระสายแต่ก็เริ่มหมดความสนใจในเอเขียอาคเนย์ ก็ไม่ได้มีการยึดดินแดนไว้อย่างถาวร เปิดโอกาสให้อณาจักรไทย เริ่มโดยสุโขทัย และหลังจากนั้นมาคืออยุธยา ได้เข้ามาเป็นพี่เบิ้มคนใหม่แทนที่พม่าและเขมรต่อมาอีกยาวนาน